ป้ายกำกับ: SEM

ความแตกต่างระหว่าง SEO, SEM และ SMM

พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบต่างๆ ทำให้บางธุรกิจอยู่ได้ และบางธุรกิจอยู่ไม่ได้ และนั้นอาจเป็นสิ่งที่เราต้องคิด เพื่อเอากลับมามองตัวเอง คิดหาแนวทางให้ตนเองก้าวทันกับการแข่งขันในตลาดออนไลน์และแสดงตัวตนออกมาให้ผู้คนรับรู้ ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ลูกค้าหรือผู้คนที่สนใจจะมีส่วนร่วมไปกับเราทางออนไลน์อย่างไม่เคยทราบมาก่อน เรามาทำความรู้จักคำเหล่านี้ก่อน Search Engine Optimization, Search Engine Marketing และสุดท้าย Social Media Marketing สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจของเราโตขึ้น ถ้าเราใช้งานได้ถูกวิธีและถูกเวลา ดังนั้นแล้วเรามารู้จักกับความแตกต่างระหว่าง SEO, SEM และ SMM ว่าคืออะไร เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ยังไง

SEO (Seach Engine Optimization) : อีกแนวทางที่ดีที่สุด เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้เว็บไซต์และธุรกิจของเรามีตัวตน และอยู่ในอันดับต้นๆของการมองเห็น ผู้คนสามารถค้นพบผ่านเครื่องมือค้นหา Google, Yahoo และ Bing เทคนิคเหล่านี้ยังทำให้ Search Engine Result Page “SERP” ปรับปรุงดีขึ้นอีกด้วย โดย “SERP” มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ Seo On Page และ Seo Off Page รวมถึงหลักการทุกอย่างถูกต้องตามหน้าเว็บเพจทั้ง Tag, Title, โครงสร้าง URL, แท็ก Alt บนรูปภาพ ให้ลองนึกถึงการค้นหาบนหน้า Google เมื่อใส่คำที่ต้องการค้นหาอาจไม่สามารถแสดงผลอย่างตรงไปตรงมาได้ทั้งหมด มีการแสดงคำที่คล้าย หรือใกล้เคียงขึ้นมาด้วย เพราะฉะนั้นการทำ SEO ให้ถูกหลัก ต้องแน่ใจว่ามีการกำหนดคำค้นหาที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของเราและตรงกับคำค้นหา เพื่อที่จะให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อาทิเช่น วานคีย์เวิร์ดคำว่า “ทีเด็ดบอล” พอลูกค้าค้นหาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะพบเจอหน้าเว็บไซต์ทีเด็ดบอลเต็งของเราที่ทำอันดับจนติดหน้า 1 ทาง Google

SEM (Seach Engine Marketing) : บางทีเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ ทำให้เว็บเพจของเรามีผู้คนเห็นเป็นจำนวนมากหรือเพิ่มปริมาณการเข้ารับชม แต่อาจจะต้องมีตัวช่วยด้วยการโฆษณาหรือการทำตลาดออนไลน์ที่มีค่าใช้จ่าย หรือที่รู้จักกันดี ว่าการจ่ายเงินให้กับทาง Google เพื่อทำ Google Adwords ให้เว็บแสดงเป็นอันดับแรก ๆ จะได้มีผู้คนเข้ามารับชมข้อมูลบนเว็บไซต์ของเราก่อนใครๆ หากต้องการทำ Google Adwords แล้วก็ เราต้องเข้าใจคำว่า Pay Per Click หรือ “PPC” ก่อน เพราะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการทำโฆษณาออนไลน์

SMM (Social Media Marketing) : และแล้วก็ถึงคิวของ SMM เรารู้อยู่แล้วว่า Seo ดีต่อการมีตัวตนบนโลกออนไลน์มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าต้องใช้เวลา แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยสุดๆ ส่วน SEM นั้นไม่ต้องกังวล หากเราคำนวณค่าใช้จ่ายดีแล้วก็คุ้มค่าเช่นกัน ส่วนการตลาดออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ SMM คือเวลาที่เราอยากให้คนอื่นเข้ามาอ่าน Content ของเรา เราต้องอาศัย Social Media ต่างๆนำพาเข้ามา โดยใช้ลิงก์จาก Facebook, Twitter หรือ YouTube ฉะนั้นเป้าหมายของ SMM ก็คือการขับเคลื่อนการเข้าชมไปยังเว็บไซต์หน้า Landing Page ของเรา เพื่อให้ผู้คนที่สนใจมีส่วนร่วมกับไปกับเรา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับ ROI (Return on Investment) ที่สามารถติดตามผลได้ในช่วงทางต่างๆ ทั้ง Facebook, Twitter, LinkedIn, YouTube, Google+, Instagram, Snapchat ซึ่งคล้ายๆ กับการทำ Seo on Page

SEM ต่างกับ SEO อย่างไร

ช่องทางที่ภาคธุรกิจจะเข้าถึงลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมายอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การเปิดเว็บไซต์คือความจำเป็นลำดับต้น ๆ ที่สมควรทำ แต่ลำพังเพียงการเปิดเว็บไซต์ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็มีเว็บไซต์กันทั้งนั้น

เมื่อมีเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางธุรกิจแล้ว การจะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของเราไปปรากฏในสายตาของกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการได้ ก็จำเป็นต้องให้เว็บไซต์ของเราไปแสดงบนหน้าแรกของการค้นหาใน google search ให้ได้เร็วที่สุด ดังนั้นการทำการตลาดผ่านเครื่องมือนี้จึงเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำเช่นเดียวกัน

วิธีการที่จะทำให้เว็บไซต์ไปแสดงผลบนหน้าแรกของ google มีอยู่ด้วยกันสองวิธีหลัก ๆ ก็คือ การทำ SEO กับการทำ SEM

หลักการของ SEO

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ก็คือการสร้างทราฟฟิกให้เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ผ่านการพัฒนาคอนเทนต์และรูปแบบการนำเสนอให้ได้รับการจัดอันดับจากระบบของ google จนได้รับการแสดงผลบนหน้าแรก ๆ ทั้งนี้การทำ SEO จะไม่มีการซื้อโฆษณากับทาง google โดยตรง ค่าใช้จ่ายของการทำ SEO จะเกิดขึ้นจากการจ้างผู้เชี่ยวชาญช่วยในเรื่องการออกแบบหรือสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดเท่านั้น

หลักการของ SEM

สำหรับการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ก็คือการทำการตลาดผ่านเว็บไซต์เพื่อให้เกิดการจัดอันดับเว็บไซต์เป้าหมายไปสู่อันดับต้น ๆ ในหน้าแรกของ google เช่นเดียวกับการทำ SEO จะแตกต่างกันก็ตรงที่การทำ SEM เป็นการทำการตลาดโดยการซื้อโฆษณากับ google โดยตรง ซึ่งเป็นการการันตีได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะถูกแสดงในหน้าแรกตามที่ต้องการอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ การทำ SEO และการทำ SEO มีเป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน คือ การทำให้เว็บไซต์ถูกแสดงผลในหน้าแรกบน google แตกต่างกันก็ตรงที่จ่ายเงินให้ google เพื่อซื้อโฆษณากับไม่จ่ายเงินเท่านั้นเอง

เราลองมาดูข้อดี ข้อด้อยของการทำ SEO กับการทำ SEM กันบ้าง

ข้อดีของการทำ SEO 

1. ไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา 

2. ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกันหากทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อด้อยของการทำ SEO

1. ต้องใช้ระยะเวลาและความต่อเนื่องในการทำงาน จึงจะเห็นผลตามที่ต้องการ

2. ไม่การันตีว่าเว็บไซต์จะติดหน้าแรกแน่นอน

ข้อดีของการทำ SEM

1. การันตีว่าเว็บไซต์ของคุณจะติดหน้าแรกของการค้นหาอย่างแน่นอน

2. ได้ผลลัพธ์กลับมาอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์การแข่งขันทางธุรกิจ

ข้อด้อยของการทำ SEM

1. ใช้งบประมาณสูงเมื่อเทียบกับการทำการตลาดผ่าน SEO 

2. การได้รับการแสดงผลการค้นหาในหน้าแรก ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการตอบสนองจากกลุ่มเป้าหมาย 100%

ทั้งการทำ SEO และการทำ SEM ล้วนส่งผลดีต่อการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งคู่ ดังนั้นธุรกิจที่มีเว็บไซต์จึงควรทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการตลาดในสภาพการแข่งขันที่มีสูงมากอย่างในปัจจุบัน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำการตลาด SEO และ SEM

การทำ การตลาดออนไลน์ แบบ SEO และ SEM เป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ทางธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าและบริการทุกประเภทประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายในด้านยอดขายและการขยายฐานลูกค้าให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

การตลาดทั้งสองแบบนี้ มีหลักการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ที่เจ้าของธุรกิจควรทราบตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อการวางแผนการปฏิบัติและหวังผลที่เหมาะสม ดังที่เรารวบรวมประเด็นมาดังนี้

มารู้จักเทคนิคการทำ SEO

SEO หรือ search engine optimization เป็นการตลาดที่เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจรายย่อย หรือผู้ที่มีเงินทุนจำกัด เพราะเป็นเทคนิคที่ไม่มีค่าใช้จ่าย กล่าวคือ เมื่อผู้ทำเว็บไซต์ศึกษาวิธีการทำ SEO จากหนังสือหรือลงคอร์สเรียน แล้วนำมาศึกษาเพิ่มผ่านประสบการณ์

การอัปเดตข้อมูลในเว็บไซต์เป็นประจำ ร่วมกับการพัฒนาส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ ระบบ algorithm ของ Google ก็จะมาเก็บข้อมูลไปเปรียบเทียบทางเทคนิค เพื่อนำสู่การจัดอันดับแสดงผลในหน้า SERPs หรือ search engine result pages ที่ดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของเว็บไซต์ไม่ถนัดทำ SEO หรือไม่มีเวลาบริหารจัดการ ก็สามารถจ้างบริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์สูงทำเว็บไซต์ SEO ให้ก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำ SEO แนะนำว่าต้องดูแลทั้งในส่วนโครงสร้าง การตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยงให้มีคุณภาพ ไม่มีปัญหาความผิดพลาดหรือ Error การทำ SEO ให้แก่รูปภาพประกอบ ก็สามารถช่วยเสริมอันดับในการสืบค้นให้ดีขึ้นได้

การผลิตบทความที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องอัปเดตเป็นประจำทุกวันก็สำคัญ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำและมีการเข้ามาชมสม่ำเสมอ ฯลฯ เหล่านี้ คือ เคล็ดลับการทำ SEO ที่ดี ซึ่งต้องอาศัยเวลา 3 ถึง 6 เดือน จึงเห็นผลอันดับดีขึ้นชัดเจน

SEM เทคนิคที่ต้องเรียนรู้

ส่วน SEM เป็นเทคนิคที่ย่อมาจาก search engine marketing เป็นการตลาดออนไลน์ที่ต้องมีการจ่ายเงินให้แก่ Google ในการประมูลพื้นที่ส่วนของ Sponsor และจะต้องมีการชำระให้แก่ทาง search engine เพิ่มเติม เมื่อมีผู้คลิกเข้ามาชมเป็นรายครั้ง แต่ก็นับว่าคุ้มค่า หากมีการซื้อขายสินค้าตามมา

SEM จึงเหมาะกับการเร่งกระตุ้นยอดขายในช่วงวันเทศกาล เช่น ปีใหม่สงกรานต์ คริสต์มาส หรือช่วงปลายเดือนที่ผู้คนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสินค้า เป็นช่วงเวลาที่กระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี

การทำ SEO และ SEM เป็นเทคนิคการตลาดที่ทุกธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตทำควบคู่กันได้ แต่แนะนำให้มีการวางแผนว่าจะต้องทำ SEM เสริมจาก SEO ในช่วงเวลาใดของเดือนหรือปี เพื่อให้ควบคุมรายจ่ายได้ดี และได้กำไรจากการขายคุ้มค่ามากที่สุด

เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์ออนไลน์เห็นถึงความแตกต่างและรับรู้ข้อจำกัดของ SEO และ SEM ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับจังหวะเวลาและงบประมาณต่อไป

มารู้จักเทคนิคการทำ SEO