หมวดหมู่: SEO Guru

วิธีเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ หรือ Facebook เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อเสริมโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และทำให้มียอดขายตามมาอีกมาก ซึ่งสัมพันธ์กับการทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ซึ่งการทำ SEO สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง หรืออาจจ้างบริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์ในการทำก็ได้

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมวิธีพื้นฐานในการเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพมาฝากกัน เพื่อให้ท่านที่สนใจนำไปพิจารณาเลือกจ้างบริษัทที่เหมาะสม ดังนี้

มีความน่าเชื่อถือ

บริษัทที่มีคุณภาพจะมีการจดทะเบียนธุรกิจเป็นนิติบุคคล ทำให้สามารถติดต่อผู้รับผิดชอบได้ตลอดเวลา ซึ่งหากมีขนาดใหญ่ ก็มักมีการแยกแผนกหรือฝ่ายที่ชัดเจน เช่น ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลลูกค้า ฯลฯ มีอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ง่าย ความน่าเชื่อถือของบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่คุณต้องใส่ใจหากไม่ต้องการเสี่ยงกับกลุ่มมิจฉาชีพหรือบริษัทมือสมัครเล่น

ประสบการณ์ในการบริการลูกค้า

หากพิจารณาจากประวัติลูกค้าเก่าของบริษัทรับทำ SEO จะทำให้รู้ได้ว่าบริษัทนั้นมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้าน SEO ที่หลากหลายเพียงใด โดยเฉพาะหากเป็นลูกค้าที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันกับคุณ ก็มั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถด้านเทคนิคในการทำ SEO อย่างดี คุณจึงมั่นใจได้ว่าโอกาสประสบความสำเร็จในการจ้างทำ SEO ค่อนข้างสูงและใช้เวลาในการทำที่สั้นกว่าจ้างมือสมัครเล่น

มีความโปร่งใส

สิ่งที่คุณต้องคุยกันก่อนทำสัญญากับบริษัททำ SEO คือการรายงานผลการทำแบบรายเดือน มีการให้คำอธิบายหรือให้ความรู้พื้นฐานแก่เจ้าของเว็บไซต์ในการดูค่าตัวเลขทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อการตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสตลอดเวลา

การันตีผลที่เป็นไปได้จริง

หากบริษัทมีความประสิทธิภาพสูงมักจะมีการการันตีผลว่าสามารถรักษาลำดับในการถูกสืบค้นด้วยระบบ SEO ของคีย์เวิร์ดหนึ่ง ๆ ได้ในอันดับ Top 3-10 ตลอดเวลาของการจ้างทำ SEO แต่จะไม่การันตีที่อันดับหนึ่งตลอดเวลาเพราะเป็นการแสดงผลจากระบบอัลกอริทึมของ Google และ Facebook

อัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

ระดับการคิดค่าใช้จ่ายของการทำ SEO นั้น มักเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่การันตีด้วย เช่น หากเลือกแพ็กเกจที่ทางบริษัทการันตีผลลัพธ์ขั้นสูงเป็น Top 3 ของการสืบค้นด้วยคีย์เวิร์ดหนึ่ง ๆ อาจจะมีค่าใช้จ่าย 2-3 หมื่นบาท แต่หากเป็นอันดับท็อปเท็น top10 ก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท เป็นต้น หากบริษัทใดมีการคิดอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไปอาจจะทำให้คุณต้องพบกับความเสี่ยงถูกทิ้งงานหรือเจอกับบริษัทที่เป็นมือใหม่ได้

จะเห็นได้ว่า การจ้างบริษัททำ SEO นั้นต้องพิจารณาองค์ประกอบอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ คุณควรศึกษาผลความพึงพอใจจากลูกค้าเก่า ๆ ของบริษัทรับทำ SEO ในสื่อโซเชียลต่าง ๆ ด้วยเพื่อประกอบการตัดสินใจได้อย่างดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ควรรู้พื้นฐาน ความสำคัญของ SEO ต่อเว็บไซต์ของคุณ

คุณคงเคยได้ยินคำว่า SEO มาบ้างแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบว่าตัวอักษรเหล่านี้ย่อมาจากอะไร เริ่มต้นด้วยตัวอักษร S ได้ย่อมาจาก Search ตัวอักษร E ย่อมาจาก Engine และตัวอักษร O ย่อมาจาก Optimization นอกจากนี้หลายคนยังไม่ทราบว่า SEO นั้น มีประโยชน์หรือมีความสำคัญต่อเว็บไซต์อย่างไรบ้าง เราจึงมาบอกรายละเอียดเกี่ยวกับ SEO เพื่อคุณจะได้ปรับปรุงเว็บไซต์ของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ดังต่อไปนี้

จุดประสงค์ของการทำ SEO

คนที่มีเว็บไซต์ของตัวเอง แน่นอนย่อมมีความต้องการให้เว็บไซต์อยู่ในลำดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Search Engine ซึ่งการทำ SEO ก็สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ตามคำแนะนำของ Search Engine หมายความว่า เมื่อไปหน้าเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับหนึ่งของโลก แล้วต้องการหาข้อมูล เช่น คีย์เวิร์ดในการค้นหาคำว่า เที่ยวโตเกียว ผลการค้นหาก็จะขึ้นแสดงลำดับใน Google ยิ่งถ้าอยู่ในลำดับต้น ๆ ก็จะยิ่งดี เพราะจะถูกมองเห็นได้ก่อน และเป็นการบ่งบอกว่า อัตราการถูกคลิกจะยิ่งมากขึ้น

วิธีการทำ SEO

วิธีการทำ SEO

วิธีที่ใช้ทำ SEO มี 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 เรียกว่า On Page SEO ด้วยการใส่ Keyword ไม่ว่าจะเป็น ใน Meta Description, URL, Title Tag หรือหัวของเว็บไซต์, ในหัวข้อหลัก, ในเนื้อหาแต่จะต้องมีในจำนวนปริมาณที่เหมาะสม, คำอธิบายรูปภาพ LINK ที่เชื่อมโยง ส่วนรูปแบบที่ 2 เรียกว่า Off Page SEO เป็นรูปแบบที่ทำ SEO จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ทำในหน้าเว็บของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Submit Web ที่ Search Engine และสารบัญเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วยการทำลิงก์จากเว็บดังมายังเว็บตัวเอง, มี Social Share ด้วยการแชร์ลิงก์ใน Social Media สุดท้ายรูปแบบที่ 3 เรียกว่า การใช้ตัวช่วยด้วยเทคนิคอื่น ๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรโตคอล HTTPS, การแก้ไของค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อให้เว็บไซต์โหลดได้รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความสะดวกในการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านมือถือ เนื่องจากในสมัยปัจจุบัน ถ้าเปรียบเทียบจากการดูหรือค้นหาข้อมูลในมือถือจะมากกว่าคอมพิวเตอร์เสียอีก

การทำธุรกิจสมัยนี้ต้องมีเว็บไซต์เพราะผู้คนเริ่มค้นหาร้านค้าผ่านทาง Search Engine อย่าง Google เพื่อจะทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ยอดขายค่อย ๆ เติบโตขึ้น ช่วยลดต้นทุนในการจ้างคนและยังช่วยเพิ่มเวลาที่ไม่ต้องมาคอยรับโทรศัพท์ลูกค้าที่สอบถามข้อมูลในขณะไม่มีเวลาว่าง โดยให้ลูกค้าดูรายละเอียดสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้เลย ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำเว็บไซต์ดีเยี่ยมแต่คนดูค้นหาเว็บไซต์ไม่เจอ โดยเฉพาะคนที่ทำเว็บไซต์เพื่อที่จะหารายได้ ก็จะส่งผลให้ไม่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมได้หากไม่รู้วิธีการทำ SEO หากเป็นเช่นนี้ พื้นฐานสำคัญของ SEO ตามคำแนะนำของ Search Engine จึงเป็นสิ่งที่คุณควรรู้ เพราะจะช่วยส่งเสริมอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง

สิ่งที่ควรรู้พื้นฐาน ความสำคัญของ SEO ต่อเว็บไซต์ของคุณ

SEO Page Quality ในมุมมองของ Google ต้องเป็นอย่างไร

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพเพื่อให้ได้คะแนนการประเมินจาก Google คุณมาถูกทางแล้วล่ะ เพราะวันนี้เรามีลักษณะของเว็บไซต์ที่ Google จะให้ประเมินว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดีมีคุณภาพ อย่ารอช้า รีบมาดูกันได้เลย

Google ประเมินอะไรบ้างในเว็บไซต์

มีการเช็คสภาพของเว็บไซต์ให้มีการใช้งานที่ดีอยู่เสมอ โครงสร้างของเว็บไซต์ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของการทำ SEO ค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะจะทำให้ Google เข้าไปเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ได้ง่าย เจ้าของเว็บไซต์ที่ดีควรมีการตรวจเช็คสภาพการทำงานของเว็บไซต์ให้ทำงานได้ดีอยู่เสมอ

มีข้อมูลเว็บไซต์ที่ครบถ้วน ข้อมูลของเว็บไซต์นั้นประกอบไปด้วยเมนูต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการค้นหาเนื้อหาในเว็บไซต์ ซึ่งจะมีประโยชน์กับผู้ชมของเว็บไซต์และ bot ของ Google ด้วย เนื่องจาก Google จะเข้าไปเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ผ่าน sitemap ที่ถูกสร้างขึ้นจากเมนูเหล่านี้นี่เอง

มีการออกแบบไซต์ที่เหมาะสม การออกแบบเว็บไซต์นั้นจะส่งผลกระทบไปยังประสบการณ์การใช้งานของผู้ชมโดยตรง หากเป็นเว็บไซต์ที่ออกแบบมาไม่ดี เว็บไซต์นั้นมีโอกาสที่จะไม่มีคนกลับเข้ามาดูอีกในครั้งต่อไป แต่หากเป็นเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาดีก็จะทำให้ผู้เข้าชมมีประสบการณ์ที่ดีและอยากกลับมาในเว็บไซต์อีกซ้ำ ๆ

มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชม เนื้อหาที่เป็นประโยชน์นั้นสามารถเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นเนื้อหาที่มีผู้ชมเข้ามาอ่านเป็นจำนวนมากและใช้เวลาในการอ่านที่เหมาะสม ซึ่งเว็บไซต์ไหนที่สามารถสร้างเนื้อหาประเภทนี้ขึ้นมาได้ ก็มีโอกาสที่จะติดอันดับบนหน้าแรกได้แบบยาว ๆ เลยทีเดียวล่ะ

มีชื่อเสียงในแง่บวก ชื่อเสียงของเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเลยทีเดียวล่ะ โดยชื่อเสียงนี้ไม่ได้หมายถึงการได้รับการบอกต่อโดยการแชร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ได้ถูกรายงานว่าเป็นสแปมหรือก่อกวนผู้ชมของ Google อีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่มีการรายงานนี้เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณ เมื่อนั้นก็จะทำให้ถูกประเมินเป็นเว็บไซต์คุณภาพต่ำจนถึงขั้นถูกแบนได้เหมือนกัน

มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ เนื้อหาคุณภาพจะช่วยสร้างคะแนน SEO ให้กับเจ้าของเว็บไซต์ได้แบบไม่ยาก โดยเฉพาะเนื้อหาที่ความเป็น unique และสร้างคุณค่าให้กับผู้ชม แม้ว่ามันจะต้องใช้ระยะเวลาอยู่สักหน่อย แต่เนื้อหาเหล่านี้เอง ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่ได้สั้น ๆ หรืออยู่แบบยาว ๆ ต่อไป

การทำ SEO เว็บไซต์ให้มีคุณภาพนั้น จะทำให้คุณไต่อันดับขึ้นไปบนหน้าแรกของ Google ได้เร็วขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากคุณใช้วิธีการทำเว็บไซต์จน Google ประเมินว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ ก็สามารถทำให้ตกอันดับไปอยู่หน้าหลัง ๆ ของ Google ได้เหมือนกัน

SEO Page Quality ในมุมมองของ Google ต้องเป็นอย่างไร

ความสำคัญของ Local SEO ต่อธุรกิจท้องถิ่น

ในปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของธุรกิจท้องถิ่นค่อนข้างสูง โดยธุรกิจท้องถิ่นที่มีผู้ให้ความสนใจอย่างแพร่หลายมักเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหารการกิน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรได้ดี ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนที่มีลูกค้าประจำมาก และมองการณ์ไกลจึงต้องการสร้างแบรนด์แฟรนไชส์ขึ้นมาเพื่อขายให้กับผู้ที่สนใจต่อไป ทั้งนี้แม้ว่าร้านของคุณจะสามารถสร้างผลกำไรได้ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีผู้ที่สนใจในสูตรอาหารของคุณ การทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้าได้

การสร้างแบรนด์แฟรนไชส์ในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องเสียค่าโฆษณาจำนวนมากเพื่อให้ได้พื้นที่โฆษณาช่องเล็ก ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารเหมือนกับในอดีต เนื่องจากการทำเว็บไซต์เป็นช่องทางการโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่สามารถสร้างการตอบรับจากผู้ที่สนใจได้ดีมากกว่า โดยเฉพาะการนำเทคนิค Local SEO มาใช้ โดยวิธีทำ Local SEO สามารถทำได้ ดังนี้

วิธีทำ Local SEO

ตั้งชื่อแฟรนไชส์ให้มีความน่าสนใจ ชื่อแบรนด์แฟรนไชส์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี การตั้งชื่อที่ดีควรเป็นคำที่จำง่าย มีความคล้องจองและมีความยาวที่พอเหมาะ

สมัครบริการของ Google My Business บริการฟรีจาก Google ที่เป็น Search Engine อันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยโฆษณาธุรกิจท้องถิ่นของคุณให้เป็นที่รู้จักและทำให้ลูกค้าสามารถเดินทางมายังร้านของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งวิธีการสมัครทำได้ง่ายมากเพียงกดค้นหาคำว่า “Google My Business” จากนั้นกรอกข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและรอการตรวจสอบจาก Google ซึ่งข้อมูลที่ใช้ในการสมัคร ได้แก่ ชื่อแบรนด์, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์และประเภทธุรกิจ

สร้าง Business Website โดยเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นอาจเป็น Landing Pang ที่มีเพียงข้อมูลเบื้องต้นก็ได้ หรืออาจทำเว็บไซต์ที่มีบล็อกเพื่ออธิบายข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น สร้างการรับรู้และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์แฟรนไชส์ ซึ่งสามารถนำเทคนิคการเขียน บทความ SEO มาใช้ เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจแฟรนไชส์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ นอกจากนี้การสร้างเว็บไซต์ที่โหลดได้เร็วและเป็นมิตรกับการเปิดอ่านบนสมาร์ทโฟน จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

ระบุช่องทางการติดต่อให้ชัดเจน แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นเครื่องมือที่สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์แฟรนไชส์ได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากอ่านข้อมูลที่มีเฉพาะในเว็บไซต์ การให้ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ เพิ่มเติม จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยจูงใจลูกค้าได้

ธุรกิจท้องถิ่นสามารถพัฒนาจากร้านค้าธรรมดาสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ระดับประเทศหรือระดับโลกได้ ด้วยการนำเทคนิค Local SEO มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

วิธีทำ Local SEO

5 ข้อสงสัย สร้าง link SEO อย่างไรให้ถูกวิธี?

แม้ว่า การทำ SEO จะดูเป็นเรื่องง่ายแต่ก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนหลงลืมไปหรือมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แล้วคำถามเหล่านี้ก็มักจะไม่ค่อยมีคนหาคำตอบมาให้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมีข้อสงสัยที่อยู่ใน 5 ข้อนี้เหมือนหลายคนอยู่ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย

วิธีสร้าง link SEO

Link ควรเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษดี?

มีหลายคนสงสัยมากว่าควรใช้ภาษาอะไรในการทำ link โดยคำตอบนั้นไม่มีอะไรตายตัว ขอแค่ใช้ภาษาอะไรก็ได้ ที่เป็นภาษาหลักเว็บไซต์ของคุณ เพราะ search engine อย่าง Google สามารถอ่านได้แทบทุกภาษาบนโลกใบนี้แล้ว หากเว็บไซต์ของคุณมีภาษาไทยเป็นภาษาหลักก็สามารถใช้ภาษาไทยใน link ได้

ใช้ full stop หรือ underscore บน link อันไหนดีกว่ากัน?

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า link นั้นไม่ได้เป็นส่วนที่ควรให้ความสำคัญเรื่องเครื่องหมายค่อนข้างมากเลยทีเดียวล่ะ ตามหลักของการทำ SEO ไม่ควรใช้ทั้ง full stop และ underscore บน link เพราะ bot ไม่สามารถอ่านได้ แต่ทางที่ดีที่สุดในการแยกคำควรใช้ hyphen แทน เช่น top-men-shirt หรือ ม่านโปร่ง-หน้าต่าง เป็นต้น

ควรใส่ link ที่เป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี?

ในการทำ link ที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นไม่มีอะไรยาก แต่สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงคือการตัด stop words ออกไปเพื่อให้ link สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดย stop words เหล่านี้ก็คือ the, and, a, an และอื่น ๆ ที่ใช้ขยายความหมายของคำ เพราะเป็นคำที่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย แล้วยิ่งเป็นการทำให้ link มีความยาวมากขึ้นโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

ควรใส่ link ที่เป็นภาษาไทยอย่างไรดี?

เช่นเดียวกับการทำ link เป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับภาษาไทยเรานั้นมีความแตกต่างกันด้านไวยากรณ์ก็คือให้ตัดคำเชื่อมที่ไม่จำเป็นออก เช่น และ, ทั้ง, จึง, ดังนั้น ต่าง ๆ เพราะคำเหล่านี้แทบจะไม่มีความหมายอะไรเหมือน stop words ของภาษาอังกฤษในการอ่านของ bot เลยเช่นกัน

ต้องทำ link ยาว ๆ ไหม?

หลายคนเข้าใจว่าการทำ link นั้น ยิ่งยาวเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะคนอ่านจะได้เข้าใจมากขึ้นและช่วยให้ค้นหาง่าย แต่ความเป็นจริงนั้นคนเราแทบจะไม่สนใจ link เลย แต่เป็น bot ต่างหากที่ใช้ link ในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ ฉะนั้นเวลาทำ link ควรเป็น link ที่สั้นแต่ได้ใจความ โดยให้ถูกต้องตามหลักของแต่ละภาษา

การทำ SEO ที่ดีนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำให้ถูกต้องทุกข้อปฏิบัติ แต่คนที่ทำหน้าที่นี้จะต้องมีความเข้าใจในรายละเอียดปลีกย่อยด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับแล้วล่ะก็ อย่าลืมสร้าง link ที่ดี และมีคุณภาพตามหลักการ SEO

ข้อสงสัย สร้าง link SEO อย่างไรให้ถูกวิธี

ดันเว็บให้อยู่หน้าแรกบน Google ไม่ยาก SEO ช่วยได้

เชื่อว่าใครที่มีเว็บไซต์จะต้องอยากโปรโมทให้มีคนเข้ามาดูมาก ๆ จนหลายคนต้องไปเสียค่าโฆษณาในช่องทางต่าง ๆ มากมาย ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เพราะการที่มีคนมาดูมาก ๆ ก็หมายถึงโอกาสในการทำให้เขาเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการได้มากเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ด้วยว่าถูกกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ การคลิกเข้ามาดูในเว็บใดเว็บหนึ่งมาก ๆ Google จะจัดให้อยู่ในหน้าแรก ๆ เพราะถือว่าเป็นเว็บที่คนมีส่วนร่วมมาก นั่นหมายความว่าใครที่พิมพ์ Keyword เข้ามาก็จะเจอกับเว็บนั้นก่อน มีโอกาสโปรโมทก่อน และที่แน่นอนที่สุดคือมีโอกาสขายสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ก่อน

5 ขั้นตอนในการดันเว็บไซต์ให้อยู่ในหน้าแรกบน Google

Content is King เรื่องความน่าสนใจของเนื้อหาเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการทำ SEO เพราะเป็นธรรมดาที่คนจะอยากอ่านในเรื่องที่ตนเองสนใจ ดังนั้นการคิด Content ก็ต้องเริ่มต้นจากความสนใจของผู้บริโภคก่อนเป็นอันดับแรก

Keyword สนใจของผู้บริโภคข้างต้น ผู้ทำ SEO อาจพิจารณาจากคำค้นหาของผู้บริโภคก่อนว่าคนส่วนใหญ่จะค้นหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะพิมพ์ว่าอะไร แล้วเราค่อยนำ Keyword นั้นมาต่อยอดความคิดสร้าง Content ต่อไป

โครงสร้าง Content ตรงส่วนนี้จะเกี่ยวกับการกระจาย Keyword และจำนวนคำของบทความมากกว่า โดย Keyword ควรกระจายให้ทั่วบทความในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้เกิดการค้นหาเจอได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติด้วย เพื่อให้อ่านแล้วไม่ติดขัด ส่วนจำนวนคำก็ต้องให้เหมาะสมว่าเราจะเสนอผู้บริโภคกลุ่มไหน ถ้าวัยรุ่นหน่อยก็สั้น ๆ กระชับ ถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่ก็ยาวหน่อย มีเนื้อหาครบถ้วน

Backlink คือเราเอาลิงก์ของเว็บของเราไปฝากไว้บนเว็บไซต์อื่น หากเป็นเว็บที่มีชื่อเสียงด้วยแล้วจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บของเราไม่น้อย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยสร้างฐานผู้ติดตามได้มากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ Google พิจารณาจัดอันดับเว็บไซต์

สร้าง Website ให้รองรับสมาร์ทโฟน ไม่ว่าตื่นนอนหรือก่อนนอน คนส่วนใหญ่จะหยิบมือถือกันทั้งนั้น ต้องยอมรับว่าสมัยนี้โทรศัพท์เป็นปัจจัยที่ 5 แล้ว โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมการเสพมือถือมากกว่าทีวีหรือวิทยุรวมกันเสียอีก ดังนั้นหากเราออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือได้ ก็จะเกิดผลดีอย่างแน่นอน

การทำ SEO ตาม 5 ขั้นตอนที่กล่าวมานี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีผู้ติดตามมากขึ้นอย่างแน่นอน อาจจะไม่ได้เห็นผลลัพธ์ใน 3 วัน 7 วัน แต่เชื่อว่าหากมุ่งมั่นที่จะสร้าง Content ดี ๆ พัฒนาเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจอยู่ตลอดเวลา เชื่อว่าเว็บไซต์ของเราจะต้องถูกดันขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกของ Google ในที่สุด

ขั้นตอนในการดันเว็บไซต์ให้อยู่ในหน้าแรกบน Google

SEO กับ Google Ads เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เหล่านักทำการตลาดออนไลน์มือใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับการทำเว็บไซต์มากขึ้น เพราะเว็บไซต์เปรียบเสมือนเครื่องมือยืนยันตัวตนที่แท้จริงของบุคคล ห้างร้านหรือแบรนด์ต่าง ๆ นอกจากนี้เว็บไซต์ยังเป็นแหล่งให้ข้อมูลที่น่าสนใจกับลูกค้าที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือเกี่ยวข้องกับแบรนด์ เมื่อเว็บไซต์มีประโยชน์ก็จะทำให้เว็บไซต์มีฐานลูกค้าและสามารถสร้างรายได้มากขึ้น

การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ ของการค้นหา จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมถึงเป็นจุดที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ง่ายที่สุด โดยวิธีการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine สามารถทำได้ 2 วิธี คือ

2 วิธีทำเว็บให้ติดอันดับบน Search Engine

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับเว็บไซต์ให้เป็นมิตรต่อ Google โดยหลักของการทำ SEO เริ่มที่การเลือก Keyword ที่มีจำนวนผู้คนหาเยอะ มาแปลงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ โดยนำ Keyword ดังกล่าวมาตั้งเป็น หัวข้อบทความ, คำบรรยายสั้น ๆ เกี่ยวกับบทความ, เนื้อหาบทความ, นำมาตั้งชื่อรูปและเซฟเป็นชื่อไฟล์ภาพ ฯลฯ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะการทำ SEO ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง เช่น ความถี่ในการอัปโหลดบทความ, จำนวนคำในบทความ, ความน่าเชื่อถือของโดเมนเนม ฯลฯ ซึ่งการทำ SEO อาจทำให้มือใหม่หลายคนถอดใจได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะหากต้องทำ SEO ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

Google Ads (แต่ก่อนหน้าเรียกว่า Google AdWords) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าหนึ่งบน Google Search Engine ได้โดยไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนกับการทำ SEO โดย Google Ads เป็นการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกใน Keyword ที่ต้องการ แม้จะดูเหมือนง่ายแต่ในบางตลาดที่มีการแข่งขันของ Keyword ค่อนข้างสูง อัตราค่าบริการของ Google Ads ก็จะแพงตามไปด้วยและต้องประมูลราคาสู้กับคู่แข่งเพื่อให้ได้ตำแหน่งโฆษณาที่ดี นอกจากนี้การทำ Google Ads ก็ไม่ได้การันตีถึงความยาวนานของการติดอันดับ เพราะหากมีเว็บไซต์คู่แข่งที่มีคุณภาพดีและประมูลให้ราคาสูงกว่า ก็จะถูกลดอันดับโฆษณาได้เช่นกัน ทำให้คนเข้าชมลดน้อยลงตามสัดส่วน แม้จะมีเงินมากมายในการทำ Google Ads แต่ถ้าเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพก็อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ทั้งนี้แม้อันดับลดลงแล้ว ก็สามารถพัฒนาคุณภาพการโฆษณาและการประมูลเพื่อกลับขึ้นสู่อันดับหนึ่งของโฆษณาได้เช่นกัน

ความเกี่ยวพันกันระหว่าง การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization และ Google Ads เป็นการแข่งขันการทำการตลาดของ Keyword ที่เว็บไซต์ต้องการ โดยการเลือก Keyword ที่เหมาะสมต่อการทำการตลาด ย่อมทำให้การติดอันดับได้ง่ายขึ้นและจ่ายน้อยลง แต่ความมั่นคงของการแข่งขันทางการตลาดใน ปี ค.ศ.2020 นี้เป็นไปในทิศทางของการสร้างประโยชน์และมูลค่าของคอนเทนต์เป็นสำคัญ ดังนั้นหากต้องการให้เว็บไซต์มีความมั่นคง การเลือก Keyword ที่ดีตั้งแต่แรกและปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดผสมผสานกันระหว่าง SEO หรือ Google Ads จะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ในระยะยาว

2 วิธีทำเว็บให้ติดอันดับบน Search Engine

เรื่องต้องรู้ในการเพิ่มยอดขายด้วย SEO (Search Engine Optimization)

ในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น (Digital Disruption) ที่ผู้ขายสินค้ากลายเป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ และยุคที่นักการตลาดพยายามคิดกลยุทธ์ให้ก้าวทันเทคโนโลยีเพื่อโฆษณาสินค้าและบริการของตนให้ได้รับความสนใจมากขึ้น อันนำไปสู่เป้าหมายหลัก คือ การเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการนั่นเอง

บทความนี้ ขอชี้ให้เห็นแง่มุมที่แตกต่างในการเพิ่มยอดขาย ในประเด็นที่เทคโนโลยีไม่ใช่พระเอก แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคและการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่างหาก คือพระเอกและตัวแปรสำคัญที่ทำให้ยอดขายสินค้าเปลี่ยนแปลงไป

พฤติกรรมของผู้บริโภคและการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในยุคนี้เป็นอย่างไร ยุคที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นยุคที่ผู้บริโภคฉลาดซื้อ ฉลาดศึกษาข้อมูล ฉลาดเปรียบเทียบราคาและคุณภาพของสินค้าและการให้บริการก่อนซื้อ แต่เสี้ยววินาทีสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าส่วนใหญ่ล้วนมาจากการอ่านรีวิวและการ search เจอในอันดับต้น ๆ ของเว็บผู้ให้บริการ search engine ยอดนิยม ดังเช่น Google นี่คือกุญแจสำคัญที่นักการตลาดต้องศึกษาที่มาของการตัดสินใจนี้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องตั้งคำถามย้อนกลับไปที่ต้นทางว่า

1.keyword ไหนที่ลูกค้าจะใช้พิมพ์ในช่อง search ของเว็บไซต์ Google.com

2.จะทำอย่างไรให้สินค้าและบริการของตนได้ปรากฏบนเว็บไซต์ Google.com อันดับต้น ๆ ในหน้าแรก

จุดประสงค์หลัก คือเพื่อให้ผู้คนจำนวนมหาศาลบนโลกใบนี้มองเห็นสินค้าและบริการของตน ทั้งเว็บไซต์สินค้าและการกล่าวถึงสินค้าในแง่ของการรีวิว การคอมเม้นท์ และการอ้างอิงผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

ทั้งสองคำถามข้างต้น มีคำตอบอยู่ที่คำว่า SEO

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization แปลว่า การหาค่าที่เหมาะสมของโปรแกรมค้นหา อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือต้องรู้จักการวัดผลการหาค่าที่เหมาะสมของเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล เช่น เว็บไซต์ Google.com ว่ามีเกณฑ์การวัดผล เพื่อจัดลำดับเว็บไซต์อย่างไร

การศึกษา SEO ให้เข้าใจนั้น คือการศึกษาโครงสร้างวิศวกรรมของเว็บไซต์และเกณฑ์การวัดผลจากปริมาณ keyword คำซ้ำ ๆ ที่ปรากฏบนตำแหน่งต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ แต่ปริมาณของ keyword นั้นต้องเหมาะสมกับคุณภาพเนื้อหา จึงจะเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและถูกจัดอยู่อันดับต้น ๆ ของ Google ในที่สุด

หากเจ้าของกิจการหรือนักการตลาดต้องการให้เว็บไซต์ของตนเองถูกลูกค้า search เจอ ต้องออกแบบโครงสร้างวิศวกรรมของเว็บไซต์ให้ตรงกับเกณฑ์การวัดผลของ Google และต้องคิด keyword ที่ตรงกับ keyword ที่ลูกค้าพิมพ์ในช่องค้นหานั่นเอง

ดังนั้น ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ keyword ซึ่งนักการตลาดต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าลูกค้าจะใช้ keyword ไหน เมื่อต้องการซื้อสินค้าและบริการของตน

เพียงเท่านี้ ก็เป็นประตูบานแรกแห่งการตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคและการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าอย่างถูกทาง และเคล็ดลับสำคัญที่พลาดไม่ได้ คือ นักการตลาดต้องพยายามอัปเดตและคิด keyword ให้ทันลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มักปรับเปลี่ยนวิธีนึก keyword ตามสถานการณ์สังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ของตน และเพื่อเพิ่มการโฆษณาสินค้าผ่านบทความต่าง ๆ ที่มี keyword นั้น ๆ ปรากฏ เพื่อให้เว็บไซต์ไม่ถูกลดอันดับจาก Google นั่นเอง

เมื่อผู้คนมองเห็นสินค้าและบริการจากเว็บไซต์เป็นอันดับแรก ๆ ใน Google ก็เพิ่มโอกาสการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า เปรียบเหมือนการยิงโดนกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาจากสื่ออื่นเพิ่มเติม และสามารถเพิ่มยอดขายได้จำนวนมหาศาลจากผู้คนทั่วโลก นับว่า SEO เป็นเรื่องต้องรู้และศึกษาไว้ เพื่อช่วยในการเพิ่มยอดขายอย่างแท้จริง

ทั้งสองคำถามข้างต้น มีคำตอบอยู่ที่คำว่า SEO

รู้ไหม SEO ทำได้ทั้งกับรูปภาพและบทความ

SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ทุกเว็บไซต์ควรทำ เพราะเป็นเกณฑ์วัดคุณภาพของเว็บไซต์ที่ Google ใช้ในการจัดอันดับการนำเสนอบนหน้าจอ เมื่อมีการค้นพบด้วย keyword ต่าง ๆ ซึ่ง SEO สามารถทำได้ทั้งในส่วนของบทความและรูปภาพ ดังรายละเอียด ต่อไปนี้

SEO บทความ

คนที่ใช้ Google ค้นข้อมูล จะหาจากการพิมพ์ keyword ในช่อง search ซึ่งผู้ที่ทำเว็บไซต์ SEO สามารถศึกษาคำที่นิยมใช้หาใน Google search Console ซึ่งเป็นแหล่งวิเคราะห์และรวบรวมสถิติด้านต่าง ๆ ไว้ ซึ่งนำไปต่อยอดได้มาก

เมื่อได้ keyword แล้ว ให้นำมาเป็นหัวใจในการเขียนบทความ SEO ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายต่อไป ทั้งนี้ ต้องใช้ในการตั้งชื่อบทความ (Title) และคิดบทคัดย่อ (Meta Description) เพื่อดึงดูดใจให้คนคลิกเข้ามาอ่านบทความฉบับเต็มในเว็บไซต์ด้วย เป็นการเพิ่มค่า traffic ให้เว็บไซต์ได้ด้วย

ทั้งนี้ การทำ บทความ SEO คนส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรม WordPress ซึ่งสามารถดาวน์โหลดปลั๊กอิน เช่น Yoast SEO ช่วยในการวิเคราะห์การตั้งชื่อหัวข้อและการเขียนบทย่อ ว่าเหมาะสมหรือยังต้องปรับปรุง และ plugin นี้ยังสามารถใช้ในการสร้าง hyperlink เชื่อมโยงไปสู่เพจหน้าอื่น ซึ่งจะช่วยส่งผลให้อันดับ SEO ดีขึ้นได้ด้วย

SEO รูปภาพ

การทำ SEO ให้รูปภาพ เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่ที่จริงแล้วมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทำ SEO ให้บทความ หากเว็บไซต์ของคุณแสดงรูปภาพสวย ๆ ปรากฏอยู่ในหน้าต่างค้นหาภาพหรือ image ใน Google จะกระตุ้นให้คนคลิกเข้าไปชมรายละเอียดอื่น ๆ ในเว็บไซต์ นำไปสู่การขายสินค้าได้ด้วย

มีการวิจัยพบว่าผู้คนในปัจจุบันชอบดูรูปภาพที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ และนิยมนำรูปภาพที่น่าประทับใจไปอ้างอิงต่อ ซึ่งหากเว็บไซต์คุณทำ SEO จนภาพถูกนำไปใช้ต่อก็จะทำให้เพิ่มค่า traffic การเข้าชมเว็บไซต์ได้ ทำให้ยิ่งเพิ่มอันดับ SEO เว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

การทำ SEO ให้กับรูปภาพ จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ

การทำสารบัญรูปภาพหรือที่เรียกว่า sitemap

การใส่รายละเอียดลงไปในส่วน alt tag และการวางตำแหน่งรูปภาพให้เหมาะสมตรงกับย่อหน้าที่กล่าวถึง

การตรวจสอบผลการทำใน Google search Console ว่าว่าข้อมูลในระบบมีการอัปเดตขึ้นจริง และเมื่อคุณลองพิมพ์ค้นหาใน Google ก็จะพบว่ารูปทั้งหมดที่คุณทำแสดงแล้วเรียบร้อย

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO มีประโยชน์ต่อธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะทำ SEO ให้บทความหรือรูปภาพก็ต้องมีความสม่ำเสมอ มีการผลิตผลงานสดใหม่ตลอดเวลา และที่สำคัญต้องไม่ไปคัดลอกงานซ้ำจากแหล่งอื่นที่จะทำให้ถูกแบนจากระบบ Google ได้

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจหลักการทำ SEO ในสองส่วนนี้มากขึ้น เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์

SEO สิ่งที่ต้องตรวจสอบกับบริษัทรับทำ SEO ก่อนการจ้างงาน

การทำ SEO ตามระบบ Search Engine Organization ที่ Google กำหนด เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่น หากทำอันดับ SEO ได้สูง ก็จะมีลำดับในการสืบค้นหน้าต่างของ Google ที่ดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก

การจ้างงานบริษัทรับทำ SEO จำเป็นจะต้องเลือกบริษัทที่มีคุณภาพจากการตรวจตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้

1. มีเลขที่จดทะเบียนการค้าที่ชัดเจน เพื่อลดโอกาสถูกมิจฉาชีพหลอกลวง และต้องมีสัญญาการจ้างงานอย่างเป็นกิจจะลักษณะ โดยทั่วไปการทำ SEO ต้องใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลการจ้างงาน ในระหว่างการทำ จึงต้องมีการระบุถึงการรายงานความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะด้วย เพื่อไม่ให้เจ้าของเว็บไซต์เสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจไปกับบริษัทที่ไม่มีความรับผิดชอบ

2. การตรวจสอบความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการรายเก่า มักมีการรีวิวหรือแนะนำไว้ว่าบริษัททำ SEO ที่ใดบ้าง ที่สร้างผลงานน่าพึงพอใจทั้งใน Pantip หรือ Facebook หรือแม้แต่คนที่คุณรู้จักที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ ก็สามารถที่จะสอบถาม เพื่อเสริมความมั่นใจได้ ทั้งนี้หากทางบริษัทมีการรับประกันผล ว่าจะทำให้เว็บไซต์ออนไลน์ของคุณขึ้นสู่อันดับที่ 1 ในการใช้ keyword หนึ่ง ๆ เสมอ ให้คำนึงเสมอว่าอาจถูกหลอกลวงหรือทำ SEO แบบผิด ๆ เพราะเป็นไปได้ยากในเมื่อระบบ algorithm ของ Google มีความซับซ้อนและมีการรายงานผลแบบ Real Time ซึ่งเว็บไซต์จำนวนมากก็มีทำการทำ SEO เช่นเดียวกัน การการันตีอันดับ 1 จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะผิดหวังจากการกล่าวอ้างเกินความจริง

3. การลำดับในการทำ SEO แบบมืออาชีพ หากคุณศึกษาพื้นฐานในการทำ SEO มาบ้าง จะพบว่าต้องใส่ใจทั้ง on- Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งหลายคนมักเข้าใจว่าการเลือก keyword ที่ดีใน on-Page SEO จะทำให้อันดับดีขึ้นได้เป็นจุดแรก ที่จริงแล้วต้องเริ่มจากการปรับส่วนโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน มีการแยกสินค้าเป็นหมวดหมู่ และพัฒนาให้เว็บไซต์เหมาะกับการใช้ทางโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เปรียบได้กับร้านค้าที่ต้องมีการจัดตู้โต๊ะชั้นให้เป็นระเบียบก่อนการจัดวางสินค้า จะทำให้ระบบของ Google มาเก็บข้อมูลได้ง่ายผ่าน XML sitemap ที่เทียบเท่ากับสารบัญของหนังสือ

จะเห็นได้ว่า การเลือกบริษัททำ SEO จำเป็นต้อง พิจารณาจากหลายองค์ประกอบและหาข้อมูลหลาย ๆ บริษัทเปรียบเทียบกันถึงจุดดีและด้อย ที่สำคัญต้องเลือกบริษัทที่คิดค่าใช้จ่ายในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วย เนื่องจากการ จ้างทำ SEO จะเป็นต้นทุนทางธุรกิจในระยะยาว เพราะมีผลต่ออันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา จึงต้องค่อย ๆ เลือกเฟ้นหาบริษัททำ SEO ที่มีจรรยาบรรณและมีความรู้ที่ถูกต้อง ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ Google

SEO สิ่งที่ต้องตรวจสอบกับบริษัทรับทำ SEO ก่อนการจ้างงาน