การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรก ๆ มี 2 ตัวช่วยหลักคือ SEO และ Google AdWords ซึ่งธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ให้ความสนใจไม่น้อย ถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการเจาะเข้าถึงลูกค้าอย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องจ่ายแพงเหมือนกับวิธีการโฆษณาแบบดั้งเดิม

หลายคนอาจไม่ทราบว่า SEO และ Google AdWords แตกต่างกันอย่างไร ทำไมบริษัทธุรกิจและนักการตลาดควรใส่ใจในเรื่องนี้ เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมกัน

1.SEO (Search Engine Optimization) คือการทำให้เว็บไซต์ขึ้นบนหน้าค้นหาโดยธรรมชาติ การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพต้องสร้างคอนเทนต์เป็นประจำ พร้อมกับปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เข้าใช้งานง่าย ส่งผลให้มีการแชร์เว็บไซต์ออกมาไปมากๆ อย่างไรก็ตาม SEO ทำได้ง่ายในตอนแรกและไม่ต้องเสียเงินให้ Google แต่ยากที่จะสมบูรณ์แบบได้ในระยะยาว เป็นเพราะวิธีการทำ SEO จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5-6 เดือน หลังจากขึ้นไปอันดับสูง ๆ ได้แล้ว การรักษาตำแหน่งไว้ให้ยั่งยืนยิ่งเป็นเรื่องยาก จำเป็นต้องทำการปรับปรุงเป็นประจำเพื่อให้ยังรักษาอันดับต้น ๆ เอาไว้ให้ได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าอยากดันอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นจะต้องเสียค่าบริการให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อโปรโมทให้สินค้าหรือบริการออกไปสู่สายตาผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2.Google AdWords อธิบายง่าย ๆ ว่าคือการลงโฆษณาเว็บไซต์บนหน้าค้นหากับ Google โดยตรง มีการเก็บเงินเมื่อมีคนคลิกเข้าไปชมเว็บไซต์นั่นเอง สิ่งสำคัญคือการเลือกคีย์เวิร์ดและคำโฆษณาได้เองตามต้องการ สามารถเปลี่ยนคำใหม่ได้ทุกเมื่อ วิธีนี้ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น จะถูกเรียกเก็บเงินเมื่อมีคนคลิกบนโฆษณาเท่านั้นและจ่ายเงินตามจำนวนคนที่คลิกเข้ามาดู ถือว่า Google Ads มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกและได้ผลดีน่าพอใจ สามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลายได้และเก็บข้อมูลยอดขายมาต่อยอดเพื่อหาช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Google Ads ยังเป็นเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์บนเว็บไซต์อื่น ๆ บนเครือข่ายของ Google ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นับพันแห่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณด้วย

สุดท้ายแล้วเป้าหมายของการทำ SEO ช่วยให้บริษัทและธุรกิจของคุณค้นหาทางออนไลน์ได้ง่าย ในขณะที่ Google Ads ช่วยให้ใช้ประโยชน์จากการโฆษณาออนไลน์เข้าถึงผู้ชมที่ใช่ ในสถานที่และเวลาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับการดึงดูดผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ ช่วยส่งเสริมการเติบโตในระยะสั้น ส่วนการเติบโตในระยะยาวจำเป็นต้องอาศัยเวลาและมุ่งเป้าหมายให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

สรุปความต่างระหว่าง SEO และ Google AdWords

1.SEO สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาของ Google ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แตกต่างจาก Google AdWords ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาได้เร็วกว่า แต่ต้องมีเงินทุนอัดฉีดด้านโฆษณาต่อเนื่อง ถ้าหยุดจ่ายค่าโฆษณาเมื่อไร อันดับก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

2.ข้อดีของ SEO คือช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาของ Google ได้นานและคงที่มากกว่า ในขณะที่ Google AdWords ไม่เพียงแสดงผลโฆษณาบนเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพันธมิตรของ Google ด้วย

สรุปว่าการทำ SEO เหมาะกับธุรกิจที่ทำมานานและต้องการมีตัวตนในโลกออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นยิ่งขึ้น สำหรับ Google AdWords เน้นการโปรโมทธุรกิจใหม่เพื่อให้ติดอันดับใน Google แบบเร่งด่วน แต่มีข้อจำกัดเรื่องอัดฉีดเงิน ถ้าเงินโฆษณาหมด อันดับของเว็บไซต์ก็จะลดลงด้วย